Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 จุดประสงค์การเรียนรู้

     เมื่อนักเรียนเรื่อง  โปรโมตและอับโหลดไฟล์สู่โลกออนไลน์แล้ว  นักเรียนสามารถ        
         1.  บอกขั้นตอนสร้างคีย์เวิร์ดและคำอธิบายเว็บไซต์ได้
         2.  โปรโมตเว็บไซต์ผ่าน Google  ได้
         3.  อับโหลดไฟล์เว็บไซต์ ได้

สาระการเรียนรู้

        1. สร้างคีย์เวิร์ดและคำอธิบายเว็บไซต์
        2. โปรโมตเว็บไซต์ผ่าน Google
        3. อับโหลดไฟล์เว็บไซต์


               หลังจากสร้างเว็บไซต์จนเสร็จสมบูรณ์แล้วจะต้องอัพโหลด (upload)ข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่อินเทอร์เน็ต โดยนำไปฝากไว้กับเว็บเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเผยแพร่ไปสู่สาธารณชน ขณะที่เว็บไซต์เผยแพร่อยู่นั้น เจ้าของเว็บไซต์สามารถปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลงเนื้อหา หรืออัพเดตข้อมูลใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา
การอัพโหลดเว็บไซต์มีขั้นตอนสำคัญ 3 ขั้นตอน คือ

            1. จดทะเบียนชื่่อโดเมน (Domain Name)
            2. จัดหาพื้นที่ฝากเว็บไซต์บนเว็บเชิร์ฟเวอร์
            3. อัพโหลดไฟล์เข้าสู่เว็บเชิร์ฟเวอร์

1. ชื่อโดเมน (Domain Name)
                  ชื่อโดเมน (Domain Nsme) หมายถึง ชื่อที่กำหนดขึ้นเืพื่อใช้ในการอ้างอิงที่อยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แทนการใช้เลขหมายไอพี (IP Address)โดยเลขหมายไอพีนั้นใช้สำหรับอ้างอิงที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่าย ซึ่่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด คั่งด้วยเครื่องหมายมหัพภาคหรือจุด (.)เช่น 118.175.15.186 จะเห็นว่า เป็นตัวเลขที่่ยาวมาก การระบุหรือพิมพ์หมายเลขไอพีให้ถูกต้องจึงค่อนข้างยากลำบาก ดังนั้น จึงได้คิดค้นชื่่อที่เป็นตัวอักษรหรือภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจและจำได้ง่ายมาใช้แทน ซึ่งมักจะเป็นชื่อที่สื่อความหมายถึงหน่วยงาน หรือเจ้าของเว็บไซต์นั้นๆ เช่น เว็บไซต์ของโรงเรียนบัวเชดวิืทยา มีหมายเลข IP คือ 118.175.15.186 ซึ่งกำหนดชื่อโดเมนเป็น www.buached.ac.th ทำให้จำได้ง่ายกว่าที่เป็นตัวเลข

            1.1 รูปแบบการตั้งชื่อโดเมน
                    การตั้งชื่อโดเมนตามหลักการของอินเทอร์เน็ตมี 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ
                   1) รูปแบบชื่อโดเมนขั้นสูงสุดแบบสากล (General Inermet DNS Top Level Domins:gTLDs) เป็นรูปแบบมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป เช่น .COM,.net,.gov
                   2) รูปแบบชื่อโดเมนขั้นสูงสุดแต่ละประเทศ (Coumty Code Top Level Domins : ccTLDs)เป็นรูปแบบที่ใช้บ่งบอกถึงประเทศเจ้าของชื่อโดเมน หรือที่ตั้งของชื่อโดเมน มักจะใช้กับประเทศ อื่นๆ ยกเว้นอเมริกา เช่น .th หมายถึง ชื่ิอโดเมนที่ดูแลโดยประเทศไทย หรือ .jp หมายถึงชื่อโดเมนของประเทศญี่ปุ่น

             1.2 หลักการตั้งชื่อโดเมน ภาษาไทย
                   การตั้งชื่อโดเมนภาษาไทยมีข้อห้ามและข้อปฏิบัติ ดังนี้
             1. ชื่อโดเมนจะต้องไม่เกี่ยวข้องกัับพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ พระบรมวงศานุวงศ์
และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ และพระบรมวงศานุวงศ์
             2. ชื่อโดเมนจะต้องไม่กอให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสี่ยงแก่ผู้ผู้หนึ่งผู้ใด หรือองค์กรหนึ่งองค์กรใด
             3. ชื่อโดเมนจะต้องไม่เป็นชื่อต่างๆ ของประเทศไทย จังหวัด รวมถึงสถานที่อันเป็นสาธารณะต่างๆ ในประเทศ
             4. ชื่อโดเมนจะต้องไม่ประกอบด้วยคำหยาบหรือคำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงามของไทย
             5. ชื่อโดเมนจะต้องมีความสัมพันธ์อย่างหนึ่งอย่างใดกับชื่อโดเมนภาษาอังกฤษที่อ้างอิง คือ อ่านออกเสียงได้ตรงกันและมีความหมายตรงกัน

            1.3 ข้อควรรู้ก่อนจดชื่อโดเมน
                  ข้อควรรู้ก่อนจดชื่อโดเมน มีดังนี้
              1. ความยาวของชื่่อโดเมน ตั้งได้ไม่เกิน 63 ตัวอักษร
              2. ชื่อโดเมนต้องจดในชื่อของตนเองเท่านั้น
              3. ถ้าเป็นชื่อโดเมนของบริษัท ควรจดภายใต้ชื่อบริษัท อย่าจดโดยใช้ชื่อพนักงาน
              4. ข้อมุลที่สำคัญทีสุดของชื่อโดเมนคือรายลเอียดส่วนตัวของเจ้าของโดเมน
              5. ใช้อีเมลที่เป็นของผู้จัดตลอดไปในการจดชื่อโดเมน เพื่อติดต่อกับผู้ให้บริการรับจดทะเบียน โดเมน (Registrant E-mail)
              6. บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับชื่อโดเมนไว้ให้ดี เช่น วันหมดอายุ ผู้ติดต่อ และอื่นๆ

            1.4 อักขระที่จะใช้ในการตั้งชื่อโดเมน
                 อักขระหรือตัวอักษรที่ใช้เป็นชื่อโดเมน มีข้อปฏิบัติ ดังนี้
              1. ชื่อโดเมนสามารถใช้ตัวอักษรภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวเลข และ "-" (ยัติภังค์)ได้
              2. ชื่อโดเมนโดยปกติจะขึ้นต้วด้วยตัวอักษร และลงท้ายตัวอักษรหรือตัวเลข
              3. ชื่อโดเมนมีความยาวตัวใหญ่ 1 ถึง 63 ตัวอักษร
              4. ชื่อโดเมนตัวอักษรตัวอักษรตัวใหญ่ A-Z หรือตัวอักษรตัวเล็ก ถือว่าเหมือนกัน
              5. ชื่อโดเมนต้องไม่ขึ้นต้นหรือลงท้ายด้วยเครื่องหมาย

2. การจดทะเบียนชื่อโดเมน
                การจดทะเบียนชื่อโดเมน เป็นการลงทะเบียนชื่อให้กับเว็บไซต์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยชื่อโดเมนที่ของจดทะเบียนจะต้องไม่ซ้ำกับคนอื่่น และควรตั้งให้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ หรือเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ ตลอดจนใช้คำง่ายๆ ให้จำได้ เช่น SanooK.com,Yahoo.com และ Cnn.com

              2.1 ประเภทของการจดทะเบียนโดเมน
                    การจดทะเบียนชื่อโดเมนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

                1) การจดทะเบียนชื่อโดเมนภายในประเทศ
                    การจดทะเบียนชื่อโดเมนภายในประเทศจะได้นามสกุลโดเมน เป็น .co.th,or.th,.ac.th,in.th โดยมีรายละเอียดโดยสรุป คือ
                    โดเมนนามสกุล .co.th เป็นเว็บไซต์ของบริษัท ห้างร้านโดยทั่วไป การจดทะเบียนชื่อโดเมนต้องเป็นชื่อเดี่ยวกับชื่อบริษัท หรือชื่อย่อของชื่อบริษัท ซึ่่่งจดทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นการจดทะเบียนจึงต้องใช้สำเนาใบทะเบียนการค้า หรือสำเนาใบรับรอง หรือสำเนาใบ ภ.พ. 20 เป็นหลักฐาน
                     โดเมนนามสกุล .or.th ใช้ทำเว็บไซต์ของส่วนราชการ และชื่อโดเมนต้องเป็นชื่อขององค์กร หรือตัวย่อของชื่อองค์กรนั้นๆต้องใช้สำเนาเอกสารทางราชการเป็นหลักฐานการจดทะเบียน
                     โดเมนนามสกุล .ac.th เป็นเว็บไซต์ของสถานศึกษา ชื่อของโดเมนที่จดทะเบียนต้องเป็นชื่อของสถานศึกษานั้นๆหรือชื่อย่อของชื่อสถานศึกษา ใช้สำเนาเอกสารการขออนุญาตก่อตั้งสถานศึกษาเป็นฐาน
                     โดเมนนามสกุล .in .th เป็นเว็บไซต์ของบุคคลธรรมดา โดยทั่วไป ชื่อโดเมนจะใช้ชื่ออะไรก็ได้ ใช้สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาใบขับขี่เป็นหลักฐานการจดทะเบียน
                      โดเมนนามสกุล .go.th เป็นเว็บไซต์ของส่วนราชการของประเทศไทย โดยปกติจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่
                      โดเมนนามสกุล .net.th เป็นไว็บไซต์เกี่ยวกับบริษัทที่เกี่ยวกับระบบ Network หรือ ISP (ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต)ในประเทศไทย
การจดทะเบียนชื่อโดเมนภายในประเทศต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด ทำให้จดทะเบีียนได้ยากจึงมีผู้จดทะเบียนไม่มากนัก

                 2) การจดทะเบียนชื่อโดเมนต่างประเทศ
                     การจดทะเบียนโดเมนต่างประเทศจะได้นามสกุล โดเมนที่นิยมทั่วไป คือ .com .net .org
                    โดเมนนามสกุล .com เป็นนามสกุลโดเมนที่ใช้ทำเว็บไซต์สำหรับบริษัท ห้างร้าน หน่วยงานและบุคคลทั่วไปได้รับความนิยมมากกว่านามสกุลโดเมนอื่นๆ
                    โดเมนนามสกุล .org ใช้ทำเว็บไซต์ของส่วนราชการ หรือองค์การที่ไม่หวังผลกำไรหน่วยงานการกุศล
ปัจจุบัน เนื่องจากว่ามีการพยายามแบ่งประเภทเว็บไซต์ออกไปและขณะเดี่ยวกันชื่อโดเมนที่่มีอยู่ก็มีำจำนวนจำกัดจึง
ได้เกิดโดเมนชนิดอื่นขึ้นอีกหลายนามสกุล ดังนี้
                    โดเมนนามสกุล .cc เป็นโดเมนใช้กับเว็บไซต์ธุรกิจโดยทั่วไปที่ใช้แทน .com เนื่่องจาก .com ถูกนำไปใช้งานจนไม่ค่อยมีชื่อที่เหมาะสมกับหน่วยงานต่างๆแล้ว
                    โดเมนนามสกุล .ws เป็นชนิดของชื่อเว็บไซต์หนึ่งที่ยายามสร้างขึ้้นมาเพื่อแข่งขันกับ .cc การนำ้ไปใช้งานสามารุนำไปใช้งานสามารถนำไปใช้ได้กับทุกประเภทเว็บไซต์
                    โดเมนนามสกุล .tv ใช้กับเว็บไซต์ของสือโฆษณาต่างๆ โดยเฉพาะสื่อทางด้านภาพและเสี่ยง ปัจจุบันค่อนข้างไดัรับความนิยมจากเว็บไซต์ประเภทสื่่อพอสมควร
แม้ว่าปัจจุบันจะมีโดเมนมาตรฐานสากล ที่ได้รับความนิยมและยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก

              2.2 อัตราค่าบริการจดทะเบียนชื่อโดเมน
                     ปัจจุบันมีชื่อโดเมนทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านชื่อ ผู้ขอจดทะเบียนใหม่จะต้องตรวจสอบว่าโดเมนเนมที่ตั้งไว้นั้นซ้ำกับผู้อื่นหรือไม่ โดยติดต่อผ่านผู้ให้บริการจดทะเบียน หากไม่ทราบข้อมูลก็สามารถค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น เข้าำไปที่เว็บไซต์กูเกิ้ล (www.google.com)พิมพ์คำว่า จดทะเบียน โดเมน ก็จะพบรายชื่อผู้ให้บริการจำนวนมาก
                     อัตราค่าจดทะเบียนโดเมนเนมนั้นมีหลายราคาให้เลือก โดยคิดอัตราค่าบริการเป็นรายปีขึ้นอยู่กับขนาดความจุข้อมูลของเชิร์ฟเวอร์ว่าต้องการพื้นที่หน่วยความจำมากน้อยแีค่ ไหนและจดโดเมนนามสกุลอะไร                      ผู้ให้บริการบางแห่งก็เสนอราคาการจดทะเบียนชื่อโดเมนอย่างละเอียด ทั้งการจดทะเบียนใหม่ การต่ออายุ และการย้ายโดเมน โดยปกติถ้าผู้ขอจดทะเบียนชื่อโดเมนเป็นบริษัท ห้างร้าน จะนิยมใช้ .com หรือสำหรับประเทศไทยจะใช้ .co .th เป็นหลัก ถ้าเป็นสถาบันการศึกษาจะใช้ .ac หรือ .eu
สำหรับผู้เริ่มมีชื่อโดเมนเนมใหม่ ควรเลือกผู้ให็บริการที่เสนออัตราค่าบริการไม่สูงมากนัก และเลือกระยะเวลาขั้นต่ำของการให้บริการ เช่น 1-3 ปี หรือ ไม่ควรเกิน 5 ปี เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งาน เพราะหากไม่ต่ออายุชื่อโดเมนก็จะถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ